นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า เรื่องการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ.2542 เข้าใจได้ว่ากรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พยายามจะปรับปรุงตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองพันธุ์พืช 1991 (UPOV 1991) แต่มีสิ่งน่าห่วงใยและกังวลอย่างยิ่งคือเรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตของเกษตรกรทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่พึ่งตนเองไม่ได้และเป็นเกษตรกรรายย่อย เรื่องแก้ไข พ.ร.บ.ที่มีผลกระทบกับเกษตรกรมากขนาดนี้ ขอให้กระทรวงเกษตรฯทำด้วยความรอบคอบ ให้ประชาชนและเกษตรกรมีส่วนร่วมมากๆ ทำความเข้าใจกับเกษตรกรและสาธารณะให้มากกว่านี้
ที่ผ่านมาสภาเกษตรกรแห่งชาติรู้สึกได้ว่า กระทรวงเกษตรฯโดยเฉพาะกรมวิชาการเกษตรทำแบบเงียบๆ เหมือนว่าไม่ยอมให้เกษตรกรรับรู้ ซึ่งตรงนี้อันตรายมาก หากกฎหมายบังคับใช้แล้วมีผลกระทบต่อเกษตรกรมากๆ ก็อาจเป็นกระแสต่อต้านลุกลามที่อาจจะเอาไม่อยู่ นับว่าโชคดีที่กฎหมายฉบับนี้ถึงแม้จะเร่งรีบทำ แต่ก็ยังไม่มีผลบังคับใช้ จึงใคร่เรียกร้องให้กรมวิชาการเกษตร ถอยออกมาก้าวหนึ่งเพื่อชะลอกฎหมาย และทำให้เกษตรกรและประชาชนเข้าใจได้มากกว่านี้ ภายใต้คำชี้แจงของอธิบดีทุกคนฟังอยู่ แต่มีหลายประเด็นมากที่ยังไม่ชัดเจน เช่น เรื่องคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช ซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนหนึ่งเป็นตัวแทนเกษตรกร ที่อยากเห็นก็คือกระบวนการเกษตรกรเลือกกันเองโดยการเสนอรายชื่อ ซึ่งตรงนั้นจะทำให้กรรมการมีที่มาที่ไป อย่างน้อยที่สุดก็จะเป็นการช่วยในกรรมการระดับชาติในกรณีที่จำเป็นจะต้องสร้างความเข้าใจกับเกษตรกรทั้งประเทศก็ทำได้ง่าย แต่ในกฎหมายเขียนว่าให้เกิดจากการแต่งตั้งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งอันตรายมาก หากแต่งตั้งบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติหรือคนที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ ก็จะขาดการมีส่วนร่วมในการเชื่อมโยงกับเกษตรกรทั้งประเทศ เวลาพิจารณาบางประเด็นอาจจะเกิดกระแสต่อต้านได้ และอีกหลายเรื่องที่ยังห่วงกังวลมาก เช่น การเอาพันธุกรรมไปขยายผลปลูกต่อ มาตรา 35 เขียนว่าในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งเกษตรกรในประเทศส่วนใหญ่เช่าพื้นที่ทำกินทั้งนั้น หรือพื้นที่ทำกินไม่มีเอกสารสิทธิ์ เหล่านี้จะมีคำอธิบายอย่างไร ปัจจุบันปัญหาด้านเศรษฐกิจรุนแรง เกษตรกรย่ำแย่อยู่แล้ว จะเป็นการซ้ำเติมให้หนักหน่วงมากขึ้น รวมทั้งในระยะยาวก็อาจจะมีผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจใหญ่ของประเทศได้ จึงขอเรียกร้อง วิงวอนให้กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถอยออกมาก้าวหนึ่งเพื่อที่จะชะลอกฎหมายไว้ระยะหนึ่ง เพื่อพูดคุยกับเกษตรกรให้รอบด้าน รอบคอบกว่านี้ จะได้เกิดความผิดพลาดน้อยลงหรือจะทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น
ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-52537 |